ระบบจัดการฐานข้อมูล (DATABASE MANAGEMENT SYSTEM)
หรือที่เรียกว่า ดีบีเอ็มเอส (DBMS) เป็นกลุ่มโปรแกรมที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในระบบติดต่อระหว่างผู้ใช้กับฐานข้อมูลเพื่อจัดการและควบคุมความถูกต้อง ความซ้ำซ้อน และความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูลต่างๆ ภายในฐานข้อมูล ซึ่งต่างจากระบบแฟ้มข้อมูลที่หน้าที่เหล่านี้จะเป็นหน้าที่ของโปรแกรมเมอร์ ในการติดต่อกับข้อมูลในฐานข้อมูลไม่ว่าจะด้วยการใช้คำสั่งในกลุ่มดีเอ็มแอล (DML) หรือ ดีดีแอล (DDL) หรือจะด้วยโปรแกรมต่างๆ ทุกคำสั่งที่ใช้กระทำกับข้อมูลจะถูกดีบีเอ็มเอสนำมาแปล (คอมไพล์) เป็นการปฏิบัติการ (Operation) ต่างๆ ภายใต้คำสั่งนั้นๆ เพื่อนำไปกระทำกับตัวข้อมูลภายในฐานข้อมูลต่อไป สำหรับส่วนการทำงานตางๆ ภายในดีบีเอ็มเอสที่ทำหน้าที่แปลคำสั่งไปเป็นการปฏิบัติการต่างๆ กับข้อมูลนั้น ประกอบด้วยส่วนการปฏิบัติการดังนี้
ที่มา http://theblogreaders.com/dbms-interview-questions-and-answers-for-graduates-part-3/#.V9OOJE2LTIU
หน้าที่ของระบบจัดการฐานข้อมูล
- แปลงคำสั่งที่ใช้จัดการกับข้อมูลภายในฐานข้อมูล ให้อยู่ในรูปแบบที่ฐานข้อมูลเข้าใจ
- นำคำสั่งต่าง ๆ ซึ่งได้รับการแปลแล้ว ไปสั่งให้ฐานข้อมูลทำงาน เช่น การเรียกใช้ (Retrieve) จัดเก็บ (Update) ลบ (Delete) เพิ่มข้อมูล (Add) เป็นต้น
- ป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับข้อมูลภายในฐานข้อมูล โดยจะคอยตรวจสอบว่าคำสั่งใดที่สามารถทำงานได้ และคำสั่งใดที่ไม่สามารถทำงานได้
- รักษาความสัมพันธ์ของข้อมูลภายในฐานข้อมูลให้มีความถูกต้องอยู่เสมอ
- เก็บรายละเอียดต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลภายในฐานข้อมูลไว้ในพจนานุกรมข้อมูล (Data Dictionary) ซึ่งรายละเอียดเหล่านี้มักจะถูกเรียกว่า เมทาเดตา (MetaData) ซึ่งหมายถึง "ข้อมูลของข้อมูล"
- ควบคุมให้ฐานข้อมูลทำงานได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ
- ควบคุมสถานะภาพของคอมพิวเตอร์ในการแปลสถาพฐานข้อมูล ส.ท
ที่มา https://th.wikipedia.org/wiki/ระบบจัดการฐานข้อมูล
ไอบีเอ็ม ดีบีทู
ที่มา news.siamphone.com
ประวัติ
DB2 มีประวัติยาวนานและถูกมองว่าเป็นระบบฐานจัดการฐานข้อมูลแรกที่ใช้ภาษา SQL (SQL คิดค้นโดย ไอบีเอ็ม)
ชื่อ "DB2" ถูกใช้ครั้งแรกเมื่อค.ศ. 1983 เมื่อ ไอบีเอ็ม ส่ง DB2 ซึ่งทำงานกับระบบปฏิบัติการ MVS บนเครื่องเมนเฟรมคอมพิวเตอร์ แต่ก่อนหน้านี้ ไอบีเอ็ม เคยออกผลิตภัณฑ์ที่ชื่อว่า SQL/DS ซึ่งเป็นระบบจัดการฐานข้อมูลเหมือนกันแต่ทำงานบนระบบปฏิบัติการ VM บนเครื่องเมนเฟรมคอมพิวเตอร์มาก่อนแล้ว สำหรับระบบจัดการฐานข้อมูลที่เป็นตัวต้นแบบนั้นถูกพัฒนามาตั้งแต่ยุค 1970s ซึ่งถูกเรียกว่า System R และถูกนำมาใช้งานร่วมกับเครื่อง System 38 ในยุคปี ค.ศ. 1968 Dr. E.F. Codd (ซึงทำงานอยู่ที่ ไอบีเอ็ม) ได้นำเสนอโมเดลเชิงสัมพันธ์ ซึ่งมีหลักการอยู่บนพื้นฐาน ทางคณิตศาสตร์ เพื่อแก้ปัญหาของโมเดลฐานข้อมูลแบบเดิม ไอบีเอ็ม ก็ได้นำแนวคิด ของ Dr. E.F. Codd ไปสร้างระบบฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ที่ชื่อว่า System R ขึ้น และพัฒนาต่อเนื่องมาเรื่อย จนเป็น DB2 รวมถึงการพัฒนาภาษา SEQUEL เพื่อใช้สำหรับเรียกดูและจัดการกับข้อมูลในฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ ในช่วงปีต่อมาคือ1976-1977 ได้มีการปรับปรุงเวอร์ชันใหม่จาก SEQUEL เป็น SEQUEL/2 และภายหลังก็ได้เปลี่ยนแปลงชื่อเป็น SQL
ในปัจจุบันมีผู้ผลิตซอฟต์แวร์ฐานข้อมูลขึ้นมามากมาย โดยใช้ทฤษฎีของ Dr. E.F. Codd เพื่อสร้าง ระบบฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ขึ้นมามากมาย
เริ่มแรกนั้น DB2 ถูกพัฒนามาเพื่อใช้งานกับเครื่อง ไอบีเอ็ม เมนเฟรม หลังจากนั้น (1990s) ได้มีการพัฒนาต่อเนื่องทำให้สามารถใช้งานกับแพลทฟอร์มอื่นๆ ได้ทั้ง MS. Windows Linux ต่างๆ ไอบีเอ็ม AIX Sun Solaris HP-UX ไอบีเอ็ม i/OS แต่ภาษาที่ใช้ในการพัฒนา DB2 บนเครื่องเมนเฟรมกับแพลทฟอร์มอื่นนั้นแตกต่างกัน DB2 สำหรับเครื่องเมนเฟรมนั้นถูกพัฒนาโดยภาษา PL/S แต่ DB2 LUW (Linux/Unix/Windows) นั้นถูกพัฒนาโดยภาษา C++ แต่โดยรวมแล้ว DB2 จะมีการแชร์ฟังก์ชันและ Common Archictecture ร่วมกัน กลางยุค 1990s ไอบีเอ็ม ได้มีการพัฒนา DB2 Parallel Edition ขึ้นภายใต้แนวความคิด Shared Nothing Architecture เพื่อรองรับการขยายตัวของฐานข้อมลขนาดใหญ่ โดยสามารถทำการกระจายข้อมูลต่างๆ ไปยังเครื่อง DB2 Server หลายๆ เครื่องได้ หลังจากนั้นก็มีการพัฒนาเรื่อยมาและมีการเปลี่ยนชื่อเป็น DB2 Extended Enterprise Edition (DB2 EEE) และในปัจจุบัน ไอบีเอ็ม เรียกความสามารถในส่วนนี้ว่า Data Partitioning Feature (DPF) ซึ่งเป็นส่วนเสริม (option) ซึ่งต้องใช้งานร่วมกับ DB2 Enterprise Edition ปี 2006 ทาง ไอบีเอ็ม ได้มีการพัฒนาเพิ่มเติมในส่วนของ XML ทำให้ DB2 สามารถจัดเก็บข้อมูล XML ในลักษณะ "natively" โดยมีการพัฒนา Database Engine เพิ่มเติมสำหรับจัดการข้อมูล XML โดยเฉพาะเรียกว่า (PureXML) ซี่งในโหมดนี้ XML data จะถูกจัดเก็บในลักษณะที่เป็น XML จริงๆ ไม่ใช่ CLOB (Character Large Object) หรือ relation data ทำให้มีประสิทธิภาพในการเข้าถึงดีขึ้น
รุ่นของผลิตภัณฑ์นั้นแบ่งตามความเหมาะสมในการใช้งาน ได้แก่ เวอร์ชันคอมมิวนิตี้ (ฟรี) และ เวอร์ชันการค้า ความแตกต่างคือเวอร์ชันคอมมิวนิตี้นั้นสามารถนำไปใช้งานได้ฟรีแต่ขาดการสนับสนุนหรือการช่วยเหลือเมื่อมีปัญหาเกิดขึ้น (ต้องซื้อบริการหลังการขายเพิ่ม)
ข้อมูลในเชิงเทคนิค การบริหารจัดการ ไอบีเอ็ม DB2 นั้นสามารถทำได้ผ่าน 2 ช่องทางคือ command-line หรือ Graphic User Interface (GUI) ที่เรียกว่า DB2 Control Center ซึ่งสามารถใช้บริหารจัดการ DB2 ได้ทุกเอดิชั่นและเนื่องจาก Control Center นั้นถูกพัฒนาโดย JAVA จึงทำให้สามารถทำงานได้หลายแพลทฟอร์ม DB2 สนับสนุนการใช้คำสั่งทั้ง SQL และ XQuery ผู้พัฒนาแอปพลิเคชันสามารถพัฒนาโปรแกรมผ่าน APIs ต่างๆ ดังนี้ APIs for .NET CLI, Java, ภาษาไพทอน,Perl, PHP, Ruby, C++, C, REXX, PL/I, COBOL, RPG, FORTRAN, และภาษาอื่นๆ การพัฒนา DB2 แอปพลิเคชันนั้น สามารถพัฒนาผ่านEclipse หรือ Visual Studio .NET และอื่นๆ ได้
ที่มา http://www.ibm.com/developerworks/db2 Technical resources for ไอบีเอ็ม Information Management software
ไมโครซอฟท์ แอคเซส(Microsoft Access)
ไมโครซอฟท์แอคเซส (Microsoft Access) คือ โปรแกรมเพื่อพัฒนาระบบฐานข้อมูล มีตารางเก็บข้อมูลและสร้างแบบสอบถามได้ง่าย มีวัตถุคอนโทล ให้เรียกใช้ในรายงาน และฟอร์มสร้างมาโครและ โมดูลด้วยภาษาเบสิก เพื่อประมวลผล ตามหลักภาษาโครงสร้าง สามารถใช้โปรแกรมนี้เป็นเพียงระบบฐานข้อมูลให้โปรแกรมจากภายนอกเรียกใช้ก็ได้ไมโครซอฟท์แอคเซส (Microsoft Access) ต่างกับ
วิชวลเบสิก (Visual Basic) หรือวิชวลเบสิกดอทเน็ต (Visual Basic .Net) เพราะ วิชวลเบสิกไม่มีส่วนเก็บข้อมูลในตนเอง แต่สามารถพัฒนาโปรแกรมได้หลากหลาย เช่น พัฒนาโปรแกรมควบคุมอุปกรณ์ โปรแกรมประยุกต์ทางวิทยาศาสตร์ เกมส์ หรือเชื่อมต่อกับระบบฐานข้อมูลภายนอก เป็นภาษาที่เหมาะกับการพัฒนาโปรแกรมประยุกต์ (Application) ส่วนไมโครซอฟท์แอคเซสเหมาะสำหรับนักพัฒนาระบบฐานข้อมูลที่ไม่ต้องการโปรแกรมที่ซับซ้อน ความสามารถของโปรแกรมที่สำคัญคือสร้างตาราง แบบสอบถาม ฟอร์ม หรือรายงานในแฟ้มเดียวกันได้ ด้วยคุณสมบัติพื้นฐานและวิซซาร์ดจึงอำนวยให้พัฒนาโปรแกรมให้แล้วเสร็จได้ในเวลาอันสั้น มีเครื่องมือที่อำนวยความสะดวกในการพัฒนาระบบฐานข้อมูลอย่างครบถ้วน
เวอร์ชันต่างๆ ของ ไมโครซอฟท์ แอคเซส

คุณประโยชน์ 10 อันดับแรกของ Microsoft Office Access
1.ได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า เร็วกว่า ด้วยส่วนติดต่อผู้ใช้ Office Fluent Office Access ให้ประสบการณ์การใช้งานใหม่ ด้วยส่วนติดต่อผู้ใช้ Office Fluent และมุ่งเน้นผลลัพธ์ บานหน้าต่างการนำทาง และมุมมองหน้าต่างที่ปรากฏเป็นแท็บ แม้ว่าจะไม่มีประสบการณ์กับฐานข้อมูลมาก่อน ผู้ใช้จะสามารถเริ่มต้นติดตามข้อมูล และสร้างรายงานเพื่อที่จะตัดสินใจได้ดียิ่งขึ้น
2. เริ่มต้นอย่างรวดเร็วโดยใช้โซลูชันที่สร้างไว้ล่วงหน้าด้วยไลบรารีของโซลูชันที่สร้างไว้ล่วงหน้าซึ่งมีหลากหลาย คุณสามารถเริ่มต้นติดตามข้อมูลของคุณได้ทันที ฟอร์มและรายงานได้รับการสร้างขึ้นเพื่อความสะดวกของคุณ แต่คุณสามารถกำหนดโซลูชันเหล่านี้เอง เพื่อให้ตรงกับความต้องการทางธุรกิจของคุณ ที่ติดต่อ การติดตามประเด็นปัญหา การติดตามโครงการ และการติดตามสินทรัพย์ เป็นเพียงโซลูชันสำเร็จรูปจำนวนหนึ่งที่มีอยู่ใน Office Access
3.สร้างรายงานหลายรายงานที่มีมุมมองต่างๆ กันสำหรับข้อมูลเดียวกัน การสร้างรายงานใน Office Access เป็นแบบ "what you see is what you get" (WYSIWYG) อย่างแท้จริง คุณสามารถปรับเปลี่ยนรายงานโดยมีผลลัพธ์ที่ปรากฏให้เห็นแบบเรียลไทม์และบันทึกมุมมองที่หลากหลายสำหรับผู้ชมในกลุ่มต่างๆ กัน บานหน้าต่างการจัดกลุ่มใหม่ พร้อมด้วยความสามารถในการกรองและเรียงลำดับ ช่วยให้คุณสามารถแสดงข้อมูลสำหรับการตัดสินใจอย่างชาญฉลาด
4.สร้างตารางอย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องกังวลกับความซับซ้อนของฐานข้อมูล การตรวจหาชนิดข้อมูลโดยอัตโนมัติ ทำให้การสร้างตารางใน Office Access เป็นเรื่องง่ายเหมือนการทำงานกับตาราง Excel พิมพ์ข้อมูลของคุณ และ Office Access จะรับรู้เองว่าเป็นวันที่ สกุลเงิน หรือชนิดข้อมูลที่ใช้งานโดยทั่วไปอื่นๆ และคุณยังสามารถวางกระทั่งตาราง Excel ทั้งตารางใน Office Access เพื่อที่จะเริ่มต้นติดตามข้อมูลด้วยสมรรถนะของฐานข้อมูลได้อีกด้วย
5.ใช้ประโยชน์จากชนิดเขตข้อมูลใหม่ๆ สำหรับสถานการณ์ที่หลากหลายยิ่งขึ้น Office Access ใช้ชนิดเขตข้อมูลใหม่ๆ เช่น สิ่งที่แนบมาและเขตข้อมูลแบบหลายค่า คุณสามารถแนบเอกสาร รูปภาพ หรือกระดาษคำนวณเข้ากับระเบียนใดก็ได้ในโปรแกรมประยุกต์ของคุณ ด้วยเขตข้อมูลแบบหลายค่า คุณสามารถเลือกค่าได้มากกว่าหนึ่ง (เช่น มอบหมายงานให้คนหลายคน ) ในแต่ละเซลล์
6.เก็บและปรับปรุงข้อมูลของคุณจากแหล่งข้อมูลโดยตรงด้วย Office Access คุณสามารถสร้างฟอร์มได้โดยการใช้ Microsoft Office InfoPath หรือ HTML เพื่อรวบรวมข้อมูลสำหรับฐานข้อมูลของคุณ และสามารถส่งฟอร์มดังกล่าวนี้ให้กับเพื่อนร่วมทีมได้ผ่านอีเมล และใช้การตอบสนองของพวกเขานั้นเพื่อใส่และปรับปรุงตาราง Access ของคุณได้โดยไม่จำเป็นต้องพิมพ์ข้อมูลใดๆ ใหม่อีก
7.ใช้ข้อมูลของคุณร่วมกันด้วย Microsoft Windows SharePoint Services ใช้ข้อมูล Access ของคุณร่วมกับทุกคนในทีมโดยใช้ Windows SharePoint Services และ Office Access ด้วยสมรรถนะของโปรแกรมประยุกต์ทั้งสองที่ทำงานร่วมกัน เพื่อนร่วมทีมของคุณจะสามารถเข้าถึงและแก้ไขข้อมูล และดูรายงานแบบเรียลไทม์ได้โดยตรงจากส่วนติดต่อทางเว็บ
8.ติดตามรายการ Windows SharePoint Services ด้วยความสามารถของไคลเอ็นต์ที่มากด้วยคุณลักษณะของ Office Access ใช้ Office Access เป็นส่วนติดต่อไคลเอ็นต์ที่มีคุณลักษณะสมบูรณ์แบบในการวิเคราะห์และสร้างรายงานจากรายการใน Windows SharePoint Services นอกจากนี้ คุณยังสามารถนำรายการมาใช้งานแบบออฟไลน์ และทำการเปลี่ยนแปลงให้ตรงกัน เมื่อคุณเชื่อมต่อกับเครือข่ายอีกครั้ง ทำให้คุณสามารถทำงานกับข้อมูลได้สะดวกทุกเวลา
9.ย้ายข้อมูลไปยัง Windows SharePoint Services เพื่อการจัดการที่ดีขึ้น เพิ่มความโปร่งใสให้กับข้อมูลด้วยการย้ายข้อมูลไปยัง Windows SharePoint Services ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถสำรองข้อมูลบนเซิร์ฟเวอร์ได้เป็นประจำ กู้คืนข้อมูลที่ถูกลบจากถังรีไซเคิล ติดตามประวัติการตรวจทานแก้ไข กำหนดสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูล ซึ่งจะทำให้การจัดการข้อมูลดียิ่งขึ้น
10. เข้าถึงและใช้ข้อมูลจากแหล่งข้อมูลหลายแห่ง คุณสามารถใช้ Office Access เพื่อเชื่อมต่อตารางเข้ากับฐานข้อมูลของคุณจากฐานข้อมูล Access อื่นๆ กระดาษคำนวณของ Excelไซต์ Windows SharePoint Services แหล่งข้อมูล Open Database Connectivity (ODBC) ฐานข้อมูล Microsoft SQL Server และแหล่งข้อมูลอื่นๆ แล้วใช้ตารางที่มีการเชื่อมโยงเหล่านี้เพื่อสร้างรายงานได้อย่างสะดวก สำหรับอ้างอิงในการตัดสินใจโดยใช้ข้อมูลที่มีความครบครันยิ่งกว่าเดิม
ที่มา : http://software-comjw2.blogspot.com/2014/07/microsoft-access.html
ไมโครซอฟท์ ซีควลเซิร์ฟเวอร์
ไมโครซอฟท์ ซีควลเซิร์ฟเวอร์ หรือ ไมโครซอฟท์ เอสคิวแอลเซิร์ฟเวอร์ (อังกฤษ: Microsoft SQL Server) คือระบบจัดการฐานข้อมูลพัฒนาโดยไมโครซอฟท์ ซึ่งใช้ภาษา T-SQL ในการดึงเรียกข้อมูล
เริ่มแรกนั้น DB2 ถูกพัฒนามาเพื่อใช้งานกับเครื่อง ไอบีเอ็ม เมนเฟรม หลังจากนั้น (1990s) ได้มีการพัฒนาต่อเนื่องทำให้สามารถใช้งานกับแพลทฟอร์มอื่นๆ ได้ทั้ง MS. Windows Linux ต่างๆ ไอบีเอ็ม AIX Sun Solaris HP-UX ไอบีเอ็ม i/OS แต่ภาษาที่ใช้ในการพัฒนา DB2 บนเครื่องเมนเฟรมกับแพลทฟอร์มอื่นนั้นแตกต่างกัน DB2 สำหรับเครื่องเมนเฟรมนั้นถูกพัฒนาโดยภาษา PL/S แต่ DB2 LUW (Linux/Unix/Windows) นั้นถูกพัฒนาโดยภาษา C++ แต่โดยรวมแล้ว DB2 จะมีการแชร์ฟังก์ชันและ Common Archictecture ร่วมกัน กลางยุค 1990s ไอบีเอ็ม ได้มีการพัฒนา DB2 Parallel Edition ขึ้นภายใต้แนวความคิด Shared Nothing Architecture เพื่อรองรับการขยายตัวของฐานข้อมลขนาดใหญ่ โดยสามารถทำการกระจายข้อมูลต่างๆ ไปยังเครื่อง DB2 Server หลายๆ เครื่องได้ หลังจากนั้นก็มีการพัฒนาเรื่อยมาและมีการเปลี่ยนชื่อเป็น DB2 Extended Enterprise Edition (DB2 EEE) และในปัจจุบัน ไอบีเอ็ม เรียกความสามารถในส่วนนี้ว่า Data Partitioning Feature (DPF) ซึ่งเป็นส่วนเสริม (option) ซึ่งต้องใช้งานร่วมกับ DB2 Enterprise Edition ปี 2006 ทาง ไอบีเอ็ม ได้มีการพัฒนาเพิ่มเติมในส่วนของ XML ทำให้ DB2 สามารถจัดเก็บข้อมูล XML ในลักษณะ "natively" โดยมีการพัฒนา Database Engine เพิ่มเติมสำหรับจัดการข้อมูล XML โดยเฉพาะเรียกว่า (PureXML) ซี่งในโหมดนี้ XML data จะถูกจัดเก็บในลักษณะที่เป็น XML จริงๆ ไม่ใช่ CLOB (Character Large Object) หรือ relation data ทำให้มีประสิทธิภาพในการเข้าถึงดีขึ้น
รุ่นของผลิตภัณฑ์นั้นแบ่งตามความเหมาะสมในการใช้งาน ได้แก่ เวอร์ชันคอมมิวนิตี้ (ฟรี) และ เวอร์ชันการค้า ความแตกต่างคือเวอร์ชันคอมมิวนิตี้นั้นสามารถนำไปใช้งานได้ฟรีแต่ขาดการสนับสนุนหรือการช่วยเหลือเมื่อมีปัญหาเกิดขึ้น (ต้องซื้อบริการหลังการขายเพิ่ม)
- ไอบีเอ็ม DB2 for z/OS
- ไอบีเอ็ม DB2 Data Warehouse Edition
- ไอบีเอ็ม DB2 Enterprise Edition
- ไอบีเอ็ม DB2 Workgroup Edition (จำกัดการผลประมวลผลที่ CPU ไม่เกิน 4 cores)
- ไอบีเอ็ม DB2 Express Edition (ใช้ได้เฉพาะ MS.Windows and Linux เท่านั้น และจำกัดการผลประมวลผลที่ CPU ไม่เกิน 2 cores และหน่วยความจำไม่เกิน 4 GB)
- ไอบีเอ็ม DB2 Personal Edition
- ไอบีเอ็ม DB2 Express-C Edition (สามารถดาวน์โหลดไปใช้ได้ฟรี ใช้ได้เฉพาะ MS.Windows and Linux เท่านั้น และจำกัดการประมวลผลจำนวน CPU ไม่เกิน 2 cores และหน่วยความจำได้ไม่เกิน 2 GB)
ข้อมูลในเชิงเทคนิค การบริหารจัดการ ไอบีเอ็ม DB2 นั้นสามารถทำได้ผ่าน 2 ช่องทางคือ command-line หรือ Graphic User Interface (GUI) ที่เรียกว่า DB2 Control Center ซึ่งสามารถใช้บริหารจัดการ DB2 ได้ทุกเอดิชั่นและเนื่องจาก Control Center นั้นถูกพัฒนาโดย JAVA จึงทำให้สามารถทำงานได้หลายแพลทฟอร์ม DB2 สนับสนุนการใช้คำสั่งทั้ง SQL และ XQuery ผู้พัฒนาแอปพลิเคชันสามารถพัฒนาโปรแกรมผ่าน APIs ต่างๆ ดังนี้ APIs for .NET CLI, Java, ภาษาไพทอน,Perl, PHP, Ruby, C++, C, REXX, PL/I, COBOL, RPG, FORTRAN, และภาษาอื่นๆ การพัฒนา DB2 แอปพลิเคชันนั้น สามารถพัฒนาผ่านEclipse หรือ Visual Studio .NET และอื่นๆ ได้
ที่มา http://www.ibm.com/developerworks/db2 Technical resources for ไอบีเอ็ม Information Management software
ไมโครซอฟท์ แอคเซส(Microsoft Access)
ไมโครซอฟท์แอคเซส (Microsoft Access) คือ โปรแกรมเพื่อพัฒนาระบบฐานข้อมูล มีตารางเก็บข้อมูลและสร้างแบบสอบถามได้ง่าย มีวัตถุคอนโทล ให้เรียกใช้ในรายงาน และฟอร์มสร้างมาโครและ โมดูลด้วยภาษาเบสิก เพื่อประมวลผล ตามหลักภาษาโครงสร้าง สามารถใช้โปรแกรมนี้เป็นเพียงระบบฐานข้อมูลให้โปรแกรมจากภายนอกเรียกใช้ก็ได้ไมโครซอฟท์แอคเซส (Microsoft Access) ต่างกับ
วิชวลเบสิก (Visual Basic) หรือวิชวลเบสิกดอทเน็ต (Visual Basic .Net) เพราะ วิชวลเบสิกไม่มีส่วนเก็บข้อมูลในตนเอง แต่สามารถพัฒนาโปรแกรมได้หลากหลาย เช่น พัฒนาโปรแกรมควบคุมอุปกรณ์ โปรแกรมประยุกต์ทางวิทยาศาสตร์ เกมส์ หรือเชื่อมต่อกับระบบฐานข้อมูลภายนอก เป็นภาษาที่เหมาะกับการพัฒนาโปรแกรมประยุกต์ (Application) ส่วนไมโครซอฟท์แอคเซสเหมาะสำหรับนักพัฒนาระบบฐานข้อมูลที่ไม่ต้องการโปรแกรมที่ซับซ้อน ความสามารถของโปรแกรมที่สำคัญคือสร้างตาราง แบบสอบถาม ฟอร์ม หรือรายงานในแฟ้มเดียวกันได้ ด้วยคุณสมบัติพื้นฐานและวิซซาร์ดจึงอำนวยให้พัฒนาโปรแกรมให้แล้วเสร็จได้ในเวลาอันสั้น มีเครื่องมือที่อำนวยความสะดวกในการพัฒนาระบบฐานข้อมูลอย่างครบถ้วน
เวอร์ชันต่างๆ ของ ไมโครซอฟท์ แอคเซส

ที่มา : https://sites.google.com/site/gift3529/2-porkaerm-ni-chudmicrosoft-office/2-3-microsoft-access
คุณประโยชน์ 10 อันดับแรกของ Microsoft Office Access
1.ได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า เร็วกว่า ด้วยส่วนติดต่อผู้ใช้ Office Fluent Office Access ให้ประสบการณ์การใช้งานใหม่ ด้วยส่วนติดต่อผู้ใช้ Office Fluent และมุ่งเน้นผลลัพธ์ บานหน้าต่างการนำทาง และมุมมองหน้าต่างที่ปรากฏเป็นแท็บ แม้ว่าจะไม่มีประสบการณ์กับฐานข้อมูลมาก่อน ผู้ใช้จะสามารถเริ่มต้นติดตามข้อมูล และสร้างรายงานเพื่อที่จะตัดสินใจได้ดียิ่งขึ้น
2. เริ่มต้นอย่างรวดเร็วโดยใช้โซลูชันที่สร้างไว้ล่วงหน้าด้วยไลบรารีของโซลูชันที่สร้างไว้ล่วงหน้าซึ่งมีหลากหลาย คุณสามารถเริ่มต้นติดตามข้อมูลของคุณได้ทันที ฟอร์มและรายงานได้รับการสร้างขึ้นเพื่อความสะดวกของคุณ แต่คุณสามารถกำหนดโซลูชันเหล่านี้เอง เพื่อให้ตรงกับความต้องการทางธุรกิจของคุณ ที่ติดต่อ การติดตามประเด็นปัญหา การติดตามโครงการ และการติดตามสินทรัพย์ เป็นเพียงโซลูชันสำเร็จรูปจำนวนหนึ่งที่มีอยู่ใน Office Access
3.สร้างรายงานหลายรายงานที่มีมุมมองต่างๆ กันสำหรับข้อมูลเดียวกัน การสร้างรายงานใน Office Access เป็นแบบ "what you see is what you get" (WYSIWYG) อย่างแท้จริง คุณสามารถปรับเปลี่ยนรายงานโดยมีผลลัพธ์ที่ปรากฏให้เห็นแบบเรียลไทม์และบันทึกมุมมองที่หลากหลายสำหรับผู้ชมในกลุ่มต่างๆ กัน บานหน้าต่างการจัดกลุ่มใหม่ พร้อมด้วยความสามารถในการกรองและเรียงลำดับ ช่วยให้คุณสามารถแสดงข้อมูลสำหรับการตัดสินใจอย่างชาญฉลาด
4.สร้างตารางอย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องกังวลกับความซับซ้อนของฐานข้อมูล การตรวจหาชนิดข้อมูลโดยอัตโนมัติ ทำให้การสร้างตารางใน Office Access เป็นเรื่องง่ายเหมือนการทำงานกับตาราง Excel พิมพ์ข้อมูลของคุณ และ Office Access จะรับรู้เองว่าเป็นวันที่ สกุลเงิน หรือชนิดข้อมูลที่ใช้งานโดยทั่วไปอื่นๆ และคุณยังสามารถวางกระทั่งตาราง Excel ทั้งตารางใน Office Access เพื่อที่จะเริ่มต้นติดตามข้อมูลด้วยสมรรถนะของฐานข้อมูลได้อีกด้วย
5.ใช้ประโยชน์จากชนิดเขตข้อมูลใหม่ๆ สำหรับสถานการณ์ที่หลากหลายยิ่งขึ้น Office Access ใช้ชนิดเขตข้อมูลใหม่ๆ เช่น สิ่งที่แนบมาและเขตข้อมูลแบบหลายค่า คุณสามารถแนบเอกสาร รูปภาพ หรือกระดาษคำนวณเข้ากับระเบียนใดก็ได้ในโปรแกรมประยุกต์ของคุณ ด้วยเขตข้อมูลแบบหลายค่า คุณสามารถเลือกค่าได้มากกว่าหนึ่ง (เช่น มอบหมายงานให้คนหลายคน ) ในแต่ละเซลล์
6.เก็บและปรับปรุงข้อมูลของคุณจากแหล่งข้อมูลโดยตรงด้วย Office Access คุณสามารถสร้างฟอร์มได้โดยการใช้ Microsoft Office InfoPath หรือ HTML เพื่อรวบรวมข้อมูลสำหรับฐานข้อมูลของคุณ และสามารถส่งฟอร์มดังกล่าวนี้ให้กับเพื่อนร่วมทีมได้ผ่านอีเมล และใช้การตอบสนองของพวกเขานั้นเพื่อใส่และปรับปรุงตาราง Access ของคุณได้โดยไม่จำเป็นต้องพิมพ์ข้อมูลใดๆ ใหม่อีก
7.ใช้ข้อมูลของคุณร่วมกันด้วย Microsoft Windows SharePoint Services ใช้ข้อมูล Access ของคุณร่วมกับทุกคนในทีมโดยใช้ Windows SharePoint Services และ Office Access ด้วยสมรรถนะของโปรแกรมประยุกต์ทั้งสองที่ทำงานร่วมกัน เพื่อนร่วมทีมของคุณจะสามารถเข้าถึงและแก้ไขข้อมูล และดูรายงานแบบเรียลไทม์ได้โดยตรงจากส่วนติดต่อทางเว็บ
8.ติดตามรายการ Windows SharePoint Services ด้วยความสามารถของไคลเอ็นต์ที่มากด้วยคุณลักษณะของ Office Access ใช้ Office Access เป็นส่วนติดต่อไคลเอ็นต์ที่มีคุณลักษณะสมบูรณ์แบบในการวิเคราะห์และสร้างรายงานจากรายการใน Windows SharePoint Services นอกจากนี้ คุณยังสามารถนำรายการมาใช้งานแบบออฟไลน์ และทำการเปลี่ยนแปลงให้ตรงกัน เมื่อคุณเชื่อมต่อกับเครือข่ายอีกครั้ง ทำให้คุณสามารถทำงานกับข้อมูลได้สะดวกทุกเวลา
9.ย้ายข้อมูลไปยัง Windows SharePoint Services เพื่อการจัดการที่ดีขึ้น เพิ่มความโปร่งใสให้กับข้อมูลด้วยการย้ายข้อมูลไปยัง Windows SharePoint Services ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถสำรองข้อมูลบนเซิร์ฟเวอร์ได้เป็นประจำ กู้คืนข้อมูลที่ถูกลบจากถังรีไซเคิล ติดตามประวัติการตรวจทานแก้ไข กำหนดสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูล ซึ่งจะทำให้การจัดการข้อมูลดียิ่งขึ้น
10. เข้าถึงและใช้ข้อมูลจากแหล่งข้อมูลหลายแห่ง คุณสามารถใช้ Office Access เพื่อเชื่อมต่อตารางเข้ากับฐานข้อมูลของคุณจากฐานข้อมูล Access อื่นๆ กระดาษคำนวณของ Excelไซต์ Windows SharePoint Services แหล่งข้อมูล Open Database Connectivity (ODBC) ฐานข้อมูล Microsoft SQL Server และแหล่งข้อมูลอื่นๆ แล้วใช้ตารางที่มีการเชื่อมโยงเหล่านี้เพื่อสร้างรายงานได้อย่างสะดวก สำหรับอ้างอิงในการตัดสินใจโดยใช้ข้อมูลที่มีความครบครันยิ่งกว่าเดิม
ที่มา : http://software-comjw2.blogspot.com/2014/07/microsoft-access.html
ไมโครซอฟท์ ซีควลเซิร์ฟเวอร์
ไมโครซอฟท์ ซีควลเซิร์ฟเวอร์ หรือ ไมโครซอฟท์ เอสคิวแอลเซิร์ฟเวอร์ (อังกฤษ: Microsoft SQL Server) คือระบบจัดการฐานข้อมูลพัฒนาโดยไมโครซอฟท์ ซึ่งใช้ภาษา T-SQL ในการดึงเรียกข้อมูล
ไมโครซอฟท์ ซีควลเซิร์ฟเวอร์ เอนเทอร์ไพรส์ เอดิชัน
ก่อนที่จะติดตั้ง SQL Server เพื่อให้การติดตั้งระบบฐานข้อมูลเป็นอย่างต่ำ เมกกะไบต์อย่างต่ำ ความจุอย่างต่ำ ระบบปฏิบัติการ Microsoft Windows 95/98 Microsoft Windows NT Workstation 4.0
Microsoft 2000 Advanced Server Microsoft Windows NT Server 4.0 ควรจะเป็น ความเร็วอย่างต่ำ เน็ตเวิร์กโปรโตคอล TCP/IP, Name Pipes การติดตั้ง SQL Server การติดตั้ง Local Installation Unattended Installation
ที่มา : http://suthatttha.blogspot.com/2014/11/microsoft-sql-server.html
Oracle
Oracle คือ โปรแกรมจัดการฐานข้อมูล ผลิตโดยบริษัทออราเคิล ซึ่งเป็นโปรแกรมจัดการฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ หรือ DBMS (Relational Database Management System) ตัวโปรแกรมนี้จะทำหน้าที่เป็นตัวกลางคอยติดต่อประสานระหว่างผู้ใช้และฐานข้อมูล ทำให้ผู้ใช้งานสามารถใช้งานฐานข้อมูลได้สะดวกขึ้น เช่น การค้นหาข้มูลต่างๆภายในฐานข้อมูลที่ง่ายและสะดวก โดยผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องทราบถึงโครงสร้างภายในของฐานข้อมูลก้สามารถเข้าใช้ฐานข้อมุลนั้นได้
ข้อดีของ Oracle
1.เทคโนโลยี Rollback Segment ถูกนำมาใช้ในโปรแกรม Oracle ประโยชน์ Rollback Segment คือ สามารถจัดการกับข้อมูลในกรณีที่เกิดการล้มเหลวของระบบ หรือภาวะระบบไม่สามารถให้บริการได้ ด้วยเทคโนโลยี Rollback Segment จะจัดการ Instance Recovery ข้อมูลไม่ให้เกิดความเสียหายอันเนื่องมาจาก การล้มเหลวของระบบ ได้อย่างดีมาก
2. Oracle ยังมีส่วนที่เรียกว่า Timestamp ทำงานเกี่ยวข้องกับ Concurrency Control เป็นส่วนที่จัดการการทำงานกับหลาย ๆ Transaction ในเวลาเดียวกัน โดยทุก ๆ Transaction จะมี Timestamp เป็นตัวกำหนดเวลาเริ่มต้นของการประมวลผล (Process) ซึ่งช่วยในการขจัดปัญหาหลักของ Concurrency Problems
3.Oracle ใช้ได้กับฐานข้อมูลกว่า 80 แพลตฟอร์ม ซึ่งครอบคลุมเกือบทุกแพลตฟอร์มที่มีอยู่ในปัจจุบัน เริ่มตั้งแต่เครื่องคอมพิวเตอร์บนเมนเฟรม, มินิคอมพิวเตอร์, พีซี บนระบบปฏิบัติการตั้งแต่ Window 9x, NT, Window CE, UNIX, SOLARIS, LINUX โดยที่ในทุกพอร์ตมีโครงสร้างการเหมือนกันๆหมด คำสั่งที่ใช้ก็เป็นแบบเดียวกัน สามารถทำงานร่วมกันได้ สามารถนำข้อมูลจากพอร์ตหนึ่งไปพอร์ตอื่นได้อย่างไม่มีปัญหา
ประเภทของ Oracle
1. Personal Oracle
2. Oracle Server
ทั้ง 2 แบบนี้มีลักษณะการใช้งานและคำสั่งเหมือนกัน แต่ต่างกันที่ Personal Oracle คือฐานข้อมูลที่เมื่อติดตั้งบนเครื่องคอมพิวเตอร์แล้ว ผู้ใช้จะต้องนั่งทำงานกับ Oracle นี้ที่หน้าเครื่องท่านั้น ส่วนของ Oracle Server คือ ฐานข้อมูลในลักษณะเซิร์ฟเวอร์ คือเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ติดตั้งโปรแกรมของ Oracle Server ไว้ และยอมให้ผู้ใช้งานเรียกฐานข้อมูล หรือจัดการกับข้อมูลจากเครื่องคอมพิวเตอร์อื่น ๆ ได้(เรียกเครื่องอื่นๆ เป็นไคลเอนต์) ดังนั้นถ้าต้องการให้มีผู้เรียกใช้ข้อมูลจากฐานข้อมูลหลาย ๆ คนได้ ก็ควรต้องเลือกแบบที่เป็น Oracle Server
ที่มา http://www.mindphp.com

ที่มา : http://suthatttha.blogspot.com/2014/11/microsoft-sql-server.html
ก่อนที่จะติดตั้ง SQL Server เพื่อให้การติดตั้งระบบฐานข้อมูลเป็นอย่างต่ำ เมกกะไบต์อย่างต่ำ ความจุอย่างต่ำ ระบบปฏิบัติการ Microsoft Windows 95/98 Microsoft Windows NT Workstation 4.0
Microsoft 2000 Advanced Server Microsoft Windows NT Server 4.0 ควรจะเป็น ความเร็วอย่างต่ำ เน็ตเวิร์กโปรโตคอล TCP/IP, Name Pipes การติดตั้ง SQL Server การติดตั้ง Local Installation Unattended Installation
ที่มา : http://suthatttha.blogspot.com/2014/11/microsoft-sql-server.html
Oracle
Oracle คือ โปรแกรมจัดการฐานข้อมูล ผลิตโดยบริษัทออราเคิล ซึ่งเป็นโปรแกรมจัดการฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ หรือ DBMS (Relational Database Management System) ตัวโปรแกรมนี้จะทำหน้าที่เป็นตัวกลางคอยติดต่อประสานระหว่างผู้ใช้และฐานข้อมูล ทำให้ผู้ใช้งานสามารถใช้งานฐานข้อมูลได้สะดวกขึ้น เช่น การค้นหาข้มูลต่างๆภายในฐานข้อมูลที่ง่ายและสะดวก โดยผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องทราบถึงโครงสร้างภายในของฐานข้อมูลก้สามารถเข้าใช้ฐานข้อมุลนั้นได้
ข้อดีของ Oracle
1.เทคโนโลยี Rollback Segment ถูกนำมาใช้ในโปรแกรม Oracle ประโยชน์ Rollback Segment คือ สามารถจัดการกับข้อมูลในกรณีที่เกิดการล้มเหลวของระบบ หรือภาวะระบบไม่สามารถให้บริการได้ ด้วยเทคโนโลยี Rollback Segment จะจัดการ Instance Recovery ข้อมูลไม่ให้เกิดความเสียหายอันเนื่องมาจาก การล้มเหลวของระบบ ได้อย่างดีมาก
2. Oracle ยังมีส่วนที่เรียกว่า Timestamp ทำงานเกี่ยวข้องกับ Concurrency Control เป็นส่วนที่จัดการการทำงานกับหลาย ๆ Transaction ในเวลาเดียวกัน โดยทุก ๆ Transaction จะมี Timestamp เป็นตัวกำหนดเวลาเริ่มต้นของการประมวลผล (Process) ซึ่งช่วยในการขจัดปัญหาหลักของ Concurrency Problems
3.Oracle ใช้ได้กับฐานข้อมูลกว่า 80 แพลตฟอร์ม ซึ่งครอบคลุมเกือบทุกแพลตฟอร์มที่มีอยู่ในปัจจุบัน เริ่มตั้งแต่เครื่องคอมพิวเตอร์บนเมนเฟรม, มินิคอมพิวเตอร์, พีซี บนระบบปฏิบัติการตั้งแต่ Window 9x, NT, Window CE, UNIX, SOLARIS, LINUX โดยที่ในทุกพอร์ตมีโครงสร้างการเหมือนกันๆหมด คำสั่งที่ใช้ก็เป็นแบบเดียวกัน สามารถทำงานร่วมกันได้ สามารถนำข้อมูลจากพอร์ตหนึ่งไปพอร์ตอื่นได้อย่างไม่มีปัญหา
ประเภทของ Oracle
1. Personal Oracle
2. Oracle Server
ทั้ง 2 แบบนี้มีลักษณะการใช้งานและคำสั่งเหมือนกัน แต่ต่างกันที่ Personal Oracle คือฐานข้อมูลที่เมื่อติดตั้งบนเครื่องคอมพิวเตอร์แล้ว ผู้ใช้จะต้องนั่งทำงานกับ Oracle นี้ที่หน้าเครื่องท่านั้น ส่วนของ Oracle Server คือ ฐานข้อมูลในลักษณะเซิร์ฟเวอร์ คือเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ติดตั้งโปรแกรมของ Oracle Server ไว้ และยอมให้ผู้ใช้งานเรียกฐานข้อมูล หรือจัดการกับข้อมูลจากเครื่องคอมพิวเตอร์อื่น ๆ ได้(เรียกเครื่องอื่นๆ เป็นไคลเอนต์) ดังนั้นถ้าต้องการให้มีผู้เรียกใช้ข้อมูลจากฐานข้อมูลหลาย ๆ คนได้ ก็ควรต้องเลือกแบบที่เป็น Oracle Server
ที่มา http://www.mindphp.com
มายเอสคิวเอล
MySQL (มายเอสคิวแอล) เป็นระบบจัดการฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ (Relational Database Management System) โดยใช้ภาษา SQL แม้ว่า MySQL เป็นซอฟต์แวร์โอเพนซอร์ส แต่แตกต่างจากซอฟต์แวร์โอเพนซอร์สทั่วไป โดยมีการพัฒนาภายใต้บริษัท MySQL AB ในประเทศสวีเดน โดยจัดการ MySQL ทั้งในแบบที่ให้ใช้ฟรี และแบบที่ใช้ในเชิงธุรกิจ
MySQL สร้างขึ้นโดยชาวสวีเดน 2 คน และชาวฟินแลนด์ ชื่อ David Axmark, Allan Larsson และ Michael "Monty" Widenius.
ปัจจุบันบริษัทซันไมโครซิสเต็มส์ (Sun Microsystems, Inc.) เข้าซื้อกิจการของ MySQL AB เรียบร้อยแล้ว ฉะนั้นผลิตภัณฑ์ภายใต้ MySQL AB ทั้งหมดจะตกเป็นของซัน
ชื่อ "MySQL" อ่านออกเสียงว่า "มายเอสคิวเอล" (maɪˌɛskjuːˈɛl) หรือ "มายเอสคิวแอล" (ในการอ่านอักษร L ในภาษาไทย) ซึ่งทางซอฟต์แวร์ไม่ได้อ่าน มายซีเควล หรือ มายซีควล เหมือนกับซอฟต์แวร์จัดการฐานข้อมูลตัวอื่น
ที่มาของภาพ:https://th.wikipedia.org/wiki.com
รุ่นของผลิตภัณฑ์
รุ่นของผลิตภัณฑ์นั้นแบ่งออกมาได้สามสายการผลิต ได้แก่ เวอร์ชันใช้ฟรี เวอร์ชันการค้า และเวอร์ชันที่สนับสนุนกับผลิตภัณฑ์ SAP (MAX DB) ความแตกต่างคือเวอร์ชันคอมมิวนิตี้นั้นสามารถนำไปใช้งานได้ฟรีแต่ขาดการสนับสนุนหรือการช่วยเหลือเมื่อมีปัญหาเกิดขึ้น, เวอร์ชันที่เป็นคอมเมอร์เชียลนั้นให้บริการด้านความสนับสนุนเมื่อมีปัญหา (ซื้อบริการ) สรุปคร่าวๆ ประเภทดาต้าเบสให้เลือกใช้ดังนี้
MySQL เอนเทอร์ไพรส์ Enterprise
MySQL คลัสเตอร์ Cluster
MySQL Embedded
MySQL Community (opensource เวอร์ชัน)
ความสามารถที่เพิ่มขึ้น
ในเวอร์ชัน 5.0 มีความสามารถหลายอย่างที่สำคัญสำหรับระบบฐานข้อมูลขนาดใหญ่หรือระดับองค์กร (EnterPrise Feature) เช่น Store Procedure, database trigger, database view, database schema ซึ่งได้มีการปรับเพิ่มประสิทธิภาพในส่วนของตารางและการทำดัชนี (index) ขึ้นมาอีก ปัจจุบันเวอร์ชัน community หรือเวอร์ชันที่เสถียร (stable) 5.0 และเวอร์ชันทดสอบคือ 5.1 beta release และ 5.2 Alpha
ตั้งแต่เวอร์ชัน 5.1 เริ่มสนับสนุนการทำ Parttion Database , ตารางเวลาสำหรับเหตุการณ์ต่างๆ (Event schedule)111
ประเภทการจัดเก็บข้อมูล (Database Storage Engine) ที่สนับสนุน
MyISAM ค่าปกติ (default)
InnoDB สนับสนุนการทำ ทรานแซคชั่น (transaction) แบบ ACID
Memory การจัดเก็บในหน่วยความจำ ใช้เป็นตารางชั่วคราวเพื่อความรวดเร็ว เนื่องจากเก็บไว้ในหน่วยความจำ ทำให้มีความเร็วในการทำงานสูงมาก
Merge เป็นการรวม Table หลาย ๆ ตัวให้แสดงผล หรือแก้ไข เสมือนเป็นข้อมูลจาก Table เดียว
Archive เหมาะสำหรับการจัดเก็บข้อมูลพวก log file,ข้อมูลที่ไม่ต้องมีการ คิวรี่ (query) หรือใช้บ่อยๆ เช่น log file เพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบย้อนหลัง (Security Audit Information)
Federated สำหรับการจัดเก็บแบบปลายทาง (remote server) แทนที่จะเป็นการจัดเก็บแบบ local เหมือนการจัดเก็บ (Storage) แบบอื่นๆ
NDB สำหรับการจัดเก็บแบบ คลัสเตอร์(cluster)
CSV เก็บข้อมูลจาก Text ไฟล์โดยอาศัยเครื่องหมาย คอมมา (comma) เป็นตัวแบ่งฟิลด์
Blackhole
Example
การใช้งาน
MySQL เป็นที่นิยมใช้กันมากสำหรับฐานข้อมูลสำหรับเว็บไซต์ เช่น มีเดียวิกิ และ phpBB และนิยมใช้งานร่วมกับภาษาโปรแกรม PHP ซึ่งมักจะได้ชื่อว่าเป็นคู่ จะเห็นได้จากคู่มือคอมพิวเตอร์ต่างๆ ที่จะสอนการใช้งาน MySQL และ PHP ควบคู่กันไป นอกจากนี้ หลายภาษาโปรแกรมที่สามารถทำงานร่วมกับฐานข้อมูล MySQL ซึ่งรวมถึง ภาษาซี ซีพลัสพลัส ปาสคาล ซีชาร์ป ภาษาจาวา ภาษาเพิร์ล พีเอชพี ไพทอน รูบี และภาษาอื่น ใช้งานผ่าน API สำหรับโปรแกรมที่ติดต่อผ่าน ODBC หรือ ส่วนเชื่อมต่อกับภาษาอื่น (database connector) เช่น เอเอสพี สามารถเรียกใช้ MySQL ผ่านทาง MyODBC,ADO,ADO.NET เป็นต้น
โปรแกรมช่วยในการจัดการฐานข้อมูล และ ทำงานกับฐานข้อมูล
ในการจัดการฐานข้อมูล MySQL คุณสามารถใช้โปรแกรมแบบ command-line เพื่อจัดการฐานข้อมูล (โดยใช้คำสั่ง: mysql และ mysqladmin เป็นต้น). หรือจะดาวน์โหลดโปรแกรมจัดการฐานข้อมูลแบบ GUI จากเว็บไซต์ของ MySQL ซึ่งคือโปรแกรม: MySQL Administrator และ MySQL Query Browser. เป็นต้น
ที่มา:https://th.wikipedia.org/wiki.com

